คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า “ผิวมัน” หมายถึงผิวที่มีความชุ่มชื้นเพียงพออยู่แล้ว แต่ความจริงตรงกันข้าม เพราะผิวมันก็สามารถ “ขาดน้ำ” ได้เช่นเดียวกับผิวแห้ง และเมื่อผิวขาดความชุ่มชื้นมากเท่าไร ต่อมไขมันจะยิ่งผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น

นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลายคน “ยิ่งล้างหน้า ผิวยิ่งมัน” ผิวพยายามชดเชยการสูญเสียน้ำด้วยการสร้างน้ำมันเพิ่ม นำไปสู่สิวและความมันส่วนเกินที่ควบคุมยาก

1) ผิวมัน ≠ ผิวชุ่มชื้น

ผิวต้องการทั้ง “น้ำ” และ “น้ำมัน” อย่างสมดุล

• น้ำ (Moisture) ทำให้ผิวอิ่มฟู สดใส
• น้ำมัน (Sebum) เคลือบผิว ลดการระเหยของน้ำ

ดังนั้นผิวมันอาจมีน้ำมันมาก แต่ “ขาดน้ำ” ได้ ส่งผลให้ผิวแห้งตึงแต่หน้ามัน รูขุมขนกว้าง ผิวหมองและไม่เรียบเนียน

2) เมื่อผิวขาดน้ำ → ต่อมไขมันทำงานหนักขึ้น

การล้างหน้าบ่อย ใช้โฟมแรง หรืออยู่ในห้องแอร์นาน ๆ ทำให้ผิวสูญเสียน้ำ (Transepidermal Water Loss) ร่างกายจึงผลิตน้ำมันมากขึ้นเพื่อปกป้องผิว

• หน้ามันเยิ้มระหว่างวัน
• สิวอุดตัน/สิวอักเสบเพิ่มขึ้น
• ผิวเสียสมดุล แต่งหน้าไม่ติด

นี่คือ “วงจรผิวมันขาดน้ำ” ซึ่งต้นเหตุจริง ๆ มาจากการขาดความชุ่มชื้น ไม่ใช่น้ำมันอย่างเดียว

3) เติมความชุ่มชื้นให้ถูกวิธี ช่วยลดความมันได้จริง

เลือกมอยส์เจอไรเซอร์สูตร Oil-free, Non-comedogenic, เนื้อบางเบา และมีส่วนผสมช่วยดึง/กักเก็บน้ำ

• Hyaluronic Acid (HA): ดึงน้ำเข้าผิว ช่วยให้ผิวอิ่มฟู
• Glycerin / Urea: เพิ่มความชุ่มชื้นระยะยาว
• Licochalcone A: ลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับสิว
• Salicylic Acid (BHA): ควบคุมความมันและลดสิวอุดตัน

เมื่อผิวได้รับน้ำอย่างเหมาะสม การผลิตน้ำมันจะค่อย ๆ ลดลง ผิวดูเรียบเนียนและสมดุลขึ้น

4) ผิวมันที่ชุ่มชื้นดี = ผิวแข็งแรง สมดุล

• ความมันระหว่างวันลดลง
• สิวอุดตัน/อักเสบลดลง
• ผิวเนียนละเอียด แต่งหน้าติดทน
• เกราะปกป้องผิว (Skin Barrier) แข็งแรงขึ้น

---

แนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญ Vikka Skincare

“หมอกุ้งเชื่อว่าผิวที่สมดุลคือพื้นฐานของผิวสวย” สูตรของ Vikka ออกแบบมาเพื่อเข้าใจผิวมันขาดน้ำ ให้ผิวแข็งแรงจากภายใน

---

สรุป: “ยิ่งผิวมัน ยิ่งต้องเติมน้ำ”

วิธีดูแลผิวมันที่ถูกต้องไม่ใช่ล้างหน้าแรง ๆ หรือเลี่ยงครีมบำรุง แต่คือการ “เติมน้ำให้ผิวจากภายใน” ให้สมดุล ระบบผิวจะทำงานเป็นธรรมชาติ ผิวมันลดลง สิวลดลง และสุขภาพผิวดีขึ้นในระยะยาว